วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558
ประโยชน์ของ ... 'กีวี'
ประโยชน์ของกีวี
1. ประโยชน์ของกีวี่ข้อแรกคือมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง
จึงช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
2. มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
ช่วยทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรง บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
3. ประโยชน์กีวี่มีช่วยลดจุดด่างดำใต้ผิว
แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ
4. เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
เพราะการรับประทานกีวีช่วยให้อิ่มเร็ว ทำให้ไม่อ้วน
5. เป็นผลไม้ที่มีโอเมก้า-3
ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้
6. สรรพคุณของกีวีช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย
7. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
8. กีวี่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับยาก
กีวีจะช่วยให้คุณหลับง่ายและสบายมากขึ้น
9. สาร “โพลีฟีนอล” ในผลกีวีมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง
10. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
11. โพแทสเซียมจากกีวีช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
12. ช่วยป้องกันลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจวาย
13. โฟเลตจากกีวีช่วยในเรื่องการแบ่งตัวของเซลล์ใหม่
จำเป็นอย่างมากสำหรับมารดาที่กำลังตั้งครรภ์
เพราะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะมีความพิการทางสมองและ ระบบประสาทหากขาดโฟเลต
และเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์
14. ซิงค์จากกีวี
เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นใช้สร้างฮอร์โมนเพศชาย
15. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ช่วยป้องกันฟันผุมาก กีวีจะช่วยลดอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้
16. ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเส้นใยประสาท
17. ช่วยซ่อมแซมเซลล์ DNA ที่ถูกทำลายจากกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกายของเราได้
18. การรับประทานกีวีพร้อมหรือหลังอาหาร
หากอาหารมื้อนั้นมีไขมัน
19. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
20. กีวีสีทองสามารถทำให้ร่างกายต่อสู้กับโรคไข้หวัดใหญ่ได้ดี
21. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
22. ไฟเบอร์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
23. ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
ช่วยให้ขับถ่ายอย่างสะดวกและสม่ำเสมอ
24. สรรพคุณกีวีช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
และเชื้อไวรัส
25. สรรพคุณกีวี่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบต่างๆในร่างกาย
ประโยชน์ของ ... 'สับปะรด'
ประโยชน์ของสับปะรด
1.
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ
3. ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและความแก่ชรา
4.
เป็นผลไม้ที่เมื่อรับประทานแล้วจะรู้สึกสบายท้องไม่รู้สึกอึดอัด
ดื่มน้ำสับปะรดปั่นกันดีกว่า
5. ใช้นำมารับประทานเป็นผลไม้
หรือนำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงสับปะรด เป็นต้น
6. นำมาใช้แปรรูปเป็นสับปะรดกระป๋อง
ทำเป็นสับปะรดกวนก็ได้
7. การแปรรูปสับปะรดอื่นๆ เช่น
การทําไวน์สับปะรด แยมสับปะรด เป็นต้น
8. ช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งประโยชน์ของสับปะรด
9. ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัดได้
10. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีมากขึ้น
11. ช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง
ป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหงือก
12. สับปะรด สรรพคุณ
ช่วยบรรเทาอาการร้อนกระสับกระส่าย หิวน้ำ
13. ช่วยแก้อาการท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวก
14. ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีน
15. ช่วยลดเสมหะในลำคอได้
16. ช่วยในการขับปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก
17. ช่วยรักษาโรคนิ่ว
18. ช่วยรักษาโรคไตอักเสบ
19. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
20. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
21. ช่วยบรรเทาอาการของโรคบิด
22. ช่วยรักษาอาการบวมน้ำ
ประโยชน์ของ ... 'ลูกพลับ'
ประโยชน์ของลูกพลับ
1. ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่และไขมันต่ำ
และยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร
จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
2.
ลูกพลับมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด
ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ
3.
หากนำลูกพลับมาหมักให้เปรี้ยว 1
ปีขึ้นไปจะมีสรรพคุณทางยาสูงขึ้น ช่วยบำรุงร่างกายแก้อาการเหนื่อยล้า
4.
ลูกพลับ ประโยชน์ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันต้อกระจก ตาฟาง
5.
ช่วยบำรุงลำไส้ บำรุงปอดและม้าม
6.
ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
7.
ช่วยแก้หืดหอบ (ผลแห้ง)
8.
ช่วยลดความดันโลหิต
9.
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจและปอดได้
10.
ช่วยแก้โรคปอดและกระเพาะอาหาร
ซึ่งเกิดจากการสร้างพลังงานของปอดที่ลดลง ทำให้มีอาการไอ หายใจติดขัด
เส้นผมหลุดร่วงหยาบกระด้าง หากเป็นติดต่อกันนานๆ ชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูก
จะสร้างสารผิดปกติในผนังกระเพาะอาหารได้
11.
ใช้เป็นยาบรรเทาอาการร้อนใน (ผลแห้ง)
12.
ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ (ผลแห้ง)
13.
ส่วนกลีบเลี้ยงหรือก้านของผลลูกพลับสามารถนำมาทำเป็นยาเพื่อใช้แก้อาการสะอึกได้
14.
ช่วยบรรเทาอาการไข้เพ้อ หรือไข้ที่เกิดจากอาการโกรธสุดขีด
15.
สรรพคุณของลูกพลับ ช่วยแก้ไอ (ผลสด,ผลแห้ง)
16.
ลูกพลับ สรรพคุณช่วยขับเสมหะ (ผลแห้ง)
17.
ช่วยแก้พิษสุรา (ผลสด)
18.
ช่วยแก้อาการท้องเดิน (ผลสด)
19.
ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารและลำไส้ (ผลแห้ง)
20.
ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องซึ่งมีสาเหตุมาจากความเย็น เช่น ประจำเดือน
ปวดบิด เป็นต้น
21.
ช่วยแก้อาการบิดในเด็กที่ถ่ายเป็นมูกเลือด
22.
ช่วยแก้อาการถ่ายเป็นเลือด
23.
ช่วยในการขับถ่าย แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง
24.
ช่วยแก้และบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร (ผลแห้ง)
25.
ช่วยแก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด (ผลแห้ง)
26.
ช่วยแก้ต่อมไทรอยด์บวม (ผลดิบ)
27.
สรรพคุณลูกพลับ ช่วยห้ามเลือด (ผลสด)
28.
ช่วยลดผื่นจากไข้ หรือผื่นที่เกิดจากความร้อน
29.
ช่วยแก้พิษจากเหล้า ช่วยทำให้หายจากการอาเจียนเป็นเลือด
วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558
ประโยชน์ของ ... 'มะละกอ'
ประโยชน์ของมะละกอ
1. มะละกอ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด
ซึ่งช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ
3. ช่วยในการชะลอวัย
ลดเลือนและป้องกันการเกิดริ้วรอยต่างๆ
4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
5. ใช้นำมารับประทานเป็นผลไม้หรือของว่าง
6. ใช้นำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม ส้มตำ
เป็นต้น
7. นำมาแปรรูป การแปรรูปมะละกอ เช่น
มะละกอแช่อิ่ม มะละกอแผ่น แยมมะละกอ มะละกอเชื่อม ซอสมะละกอ เยลลี่มะละกอ
มะละกอแช่อิ่ม มะละกอสามรส มะละกอดอง มะละกอผง เป็นต้น
8. มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มารดามีน้ำนมมากขึ้น
9. มะละกอ มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
10. มะละกอ มีเอนไซม์ที่เป็นยาช่วยย่อยอาหาร
11. ช่วยป้องกันลักปิดลักเปิด
หรือเลือดออกตามไรฟันได้
12. ช่วยรักษาอาการขัดเบา ด้วยการใช้รากสดประมาณ
1 กำมือ รากแห้งอีกครึ่งกำมือ หั่นแล้วนำมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำมาดื่มวันละ 3
ครั้งก่อนมื้ออาหาร
13. เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก
ด้วยการกินเนื้อมะละกอสุก
14. ช่วยในการย่อยอาหาร
15. ใช้ฆ่าพยาธิ
ด้วยการใช้ยางจากผลดิบซึ่งเป็นยาช่วยย่อยโปรตีน
16. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา จากรากมะละกอ
17. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
18. ช่วยรักษาอาการเท้าบวม
ด้วยนำใบมะละกอสดๆนำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาพอกตรงบริเวณนั้นๆ
19. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอก
ด้วยใช้รากมะละกอนำมาตำให้แหลกแล้วผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาทาบริเวณนั้นๆ
20. ช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน เท้าเปื่อย
ด้วยการใช้ยางมะละกอดิบมาทาวันละ 3 ครั้ง จะสามารถช่วยฆ่าเชื้อราได้
21. ช่วยรักษาแผลพุพอง อักเสบ
ด้วยการใช้ใบมะละกอที่แห้งกรอบนำมาบดให้เป็นผง นำไปผสมกับน้ำกะทิผสมให้พอเหนียว
แล้วนำมาทาแผลวันละ 3 ครั้ง
22. ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ด้วยการใช้เนื้อมะละกอดิบๆ นำมาต้มจนเปื่อยๆ นำมาตำแล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผล
23. ใช้รักษาอาการปวดหลังปวดข้อต่างๆ
ด้วยรับประทานมะละกอสุกอย่างต่อเนื่องจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
24. ช่วยรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ
หรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง ด้วยการใช้รากมะละกอตัวผู้นำมาแช่เหล้าขาวทิ้งไว้ 7 วัน
และกรองเอาน้ำมาบริเวณที่ตามกล้ามเนื้อ หรือบริเวณที่กล้ามเนื้ออ่อน แรง
25. ช่วยป้องกันการเกิดอาการตับโต
หรือโรคที่เดียวกับตับ
26. เป็นยาช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
ประโยชน์ของ ... 'แก้วมังกร'
1. แก้วมังกรช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น
2. เป็นผลไม้ที่ช่วยดับร้อน ดับกระหายได้เป็นอย่างดี
3. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง
4. แก้วมังกรลดน้ำหนักและช่วยควบคุมน้ำหนักได้ด้วย
เนื่องจากเป็นผลไม้ตัวช่วยในเรื่องการลดความอ้วนเนื่องจากมีแคลอรี่ต่ำ
5. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชรา และริ้วรอยต่างๆ
6. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
7. ช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ
8. มีส่วนในการช่วยรักษาโรคเบาหวาน
9. ช่วยบรรเทาอาการโรคความดันโลหิตได้
10. มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคโลหิตจาง
11. มีส่วนช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง
12. ช่วยกระตุ้นการขับน้ำนมในสตรี
13. ช่วยดูดซับสารพิษต่างๆออกจากร่างกาย เช่น สารตกค้างอย่างตะกั่ว
ที่มาจากควันท่อไอเสีย หรือสารตกค้างที่มาจากยาฆ่าแมลง
14. ช่วยบำรุงกระดูกและฟันของคุณให้แข็งแรง
15. มีกากใยสูงช่วยในการขับถ่ายให้สะดวก แก้อาการท้องผูก
16. ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
แก้ปัญหาการขับถ่ายต่างๆให้ดีขึ้น
17. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
18. ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบกำจัดของเสียในร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
19. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
20. นิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้สด
ใช้เป็นส่วนผสมในฟรุตสลัดและน้ำปั่นผลไม้
สรรพคุณ
แก้วมังกรเป็นผลไม้เสริมสุขภาพและความงาม ใช้บริโภคเพื่อจุดประสงค์ในการลดน้ำหนัก เนื่องจากเมื่อกินแก้วมังกรแล้วจะรู้สึกอิ่ม และในผลแก้วมังกรก็มีกากใยสูงประกอบกับให้แคลอรี่ต่ำจึงนิยมใช้บริโภคเพื่อลดน้ำหนัก
แก้วมังกรเป็นพืชในตระกูลกระบองเพชรซึ่งมีสารที่มีประโยชน์คือ มิวซิเลจ(Mucilage) ที่มีลักษณะคล้ายวุ้นเจลช่วยดูดซับน้ำในร่างกาย ควบคุมระดับกลูโคสในคนที่เป็นโรคเบาหวาน(ชนิดไม่พึ่ง อินซูลิน)ได้ แก้วมังกรยังมีประโยชน์ในการบรรเทาโรคโลหิตจางช่วยเพิ่มธาตุเหล็กให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ผลแก้วมังกรยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เบาหวาน ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของกระดูกและฟัน
แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีทั้งสรรพคุณทางยา คุณค่าทางโภชนาการหากรู้จักกินเป็นอาหารรักษาโรค(เภสัชโภชนา) แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพกับความงาม (ผิวพรรณและการลดน้ำหนัก) อีกด้วย จนอาจพูดได้ว่า แก้วมังกรเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นเดียวกับผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น มะละกอ ส้ม กล้วย ฯลฯ ดังนั้นหากเรารู้จักเลือกรับประทาน"ผลไม้เพื่อสุขภาพ "ให้ถูกต้องย่อมเกิดผลดีกับร่างกายอย่างแน่นอน
วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558
ประโยชน์ของ ... 'ชมพู่'
ประโยชน์ของชมพู่
ผลชมพู่สดให้เส้นใยอาหารทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายช่วยลดระดับ
คอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงชองการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่
มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
วิตามินซีช่วยปกป้องร่างกายด้วยการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ
ร่างกายต้องการวิตามินซีเพื่อสร้างคอลลาเจน
ที่จำเป็นต่อการสร้างผิวหนังและรักษาบาดแผล
ชมพู่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียม
ชมพู่ยังเป็นผลไม้หนึ่งในไม่กี่ชนิดที่มี ไลโคพีน
รงควัตถุสีแดงที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร
สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำควรระวังการกิน
เพราะเนื้อชมพู่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก
ชมพู่เป็นไม้ผลเขตร้อนซึ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย
เป็นพืชจัดอยู่ตระกูลเดียวกับฝรั่ง หว้า ยูคาลิปตัส เป็นพืชที่ชอบน้ำ
จัดเป็นไม้ผลที่มีลำต้นขนาดใหญ่ ดอกมีกลิ่นหอมคล้ายกุหลาบ ผลมีรสชาติหวานกรอบ
คนไทยจึงนิยมปลูกเป็นไม้มงคลประจำบ้านชมพู่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ
ผลนอกจากจะใช้รับประทานสดแล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้เช่น
เยลลี่ แยม และแช่อิ่ม เป็นต้น
สรรพคุณของชมพู่
1. ผลของชมพู่
มีสรรพคุณใช้เป็นยาชูกำลัง บำรุงหัวใจ และ ทำให้ชุ่มชื่น แก้ลมปลายไข้
2. เนื้อในที่เป็นใยของชมพู่
มีสรรพคุณใช้เป็นยาลดไข้ แก้ตาเจ็บ บำรุงสายตา
3. เมล็ดชมพู่
ใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย และแก้เบาหวาน
4. เปลือก, ต้น -
แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย
ประโยชน์ของ ... 'กล้วย'
ประโยชน์ของกล้วย
1.
กล้วยก็สามารถนำมาทำเป็นมาส์กหน้าได้เหมือนกันนะ
โดยจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ช่วยลดความหยาบกร้านบนผิว วิธีง่ายๆ
เพียงแค่ใช้กล้วยสุกหนึ่งผลมาบดให้ละเอียด แล้วเติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
จากนั้นคลุกให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
2.
เปลือกกล้วยสามารถแก้ผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้
ด้วยการลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด
อาการคันจะลดลงไปได้ระดับหนึ่ง
3.
เปลือกด้านในของกล้วยช่วยในการรักษาโรคหูดบนผิวหนังได้
โดยใช้เปลือกกล้วยวางปดลงบริเวณหูดแล้วใช้เทปแปะไว้
4. เปลือกกล้วยด้านในช่วยฆ่าเชื้อ
ที่เกิดจากบาดแผลได้เหมือนกัน
แต่ยังไงก็ตามเมื่อแปะที่บาดแผลแล้วก็ควรจะเปลี่ยนเปลือกใหม่ทุกๆ 2 ชั่วโมงด้วย
5. สรรพคุณกล้วย
ยางกล้วยสามารถใช้ในการห้ามเลือดได้
6. ก้านใบตอง
ช่วยลดอาการบวมของฝี แต่ก่อนใช้ต้องตำให้แหลกเสียก่อน
7. ใบอ่อนของกล้วย
หากนำไปอังไฟให้นิ่ม ก็ใช้ประคบแก้อาหารเคล็ดขัดยอกได้
8. หัวปลี
นำมารับประทานเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
และบำรุงและขับน้ำนมสำหรับมารดาหลังคลอดบุตร
9.
ผลดิบนำมาบดให้ละเอียดทั้งลูกผสมกับน้ำสะอาด รับประทานเพื่อแก้อาการท้องเสีย
10. ใบตอง อีกส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์กันอย่างมาก
เช่น กระทง ห่อขนม ห่ออาหาร ทำบายศรี บวงสรวงต่างๆ
ประโยชน์ของการกินกล้วย
1. ช่วยลดกลิ่นปากได้ดีในระดับหนึ่ง
แต่ทั้งนี้ควรทานหลังตื่นนอนตอนเช้าทันทีแล้วค่อยแปรงฟัน
และถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าจะยิ่งช่วยลดกลิ่นปากได้ดีขึ้น
2. กล้วย ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติ
3. กล้วยอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกาย
เช่น ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาโบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ
วิตามินบี6 วิตามินบี12 และวิตามินซี
4. ช่วยเพิ่มพลังให้แก่สมองของคุณ
เพราะมีสารที่ช่วยทำให้มีเกิดสมาธิและมีการตื่นตัวตลอดเวลา
5. กล้วยก็มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเหมือนกันนะ
ที่ช่วยในการชะลอความแก่ตัวของร่างกายนั่นเอง
6. กล้วยมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้
เพราะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือกช่วยให้ลดอาการอยากกินของจุกจิกลงได้พอสมควร
7. สำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ
กล้วยคือคำตออบสำหรับคุณ
8. อาการหงุดหงิดยามเช้า
กล้วยก็ช่วยคุณได้เหมือนกัน
9. ช่วยลดอาการหงุดหงิดของผู้หญิงในช่วงประจำเดือนมา
10. ช่วยลดอาการเมาค้างได้ดีระดับหนึ่ง
เพราะจะช่วยชดเชยน้ำตาลที่ร่างกายขาดไปในขณะดื่มแอลกอฮอล์
11. เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการอยากเลิกสูบบุหรี่
เพราะในกล้วยมีวิตามินเอ ซี บี6 บี12
โพรแทสเซียม และแมกนีเซียมที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นจากการเลิกนิโคติน
12. ช่วยรักษาอาการท้องผูก
เพราะกล้วยมีเส้นใยและกากอาหารซึ่งจะช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างปกติ
13. ช่วยบรรเทาอาการของริดสีดวงทวาร
หรือในขณะขับถ่ายจะมีเลือดออกมา
14. ช่วยลดอาการเสียดท้อง
ลดกรดในกระเพาะ การกินกล้วยจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากอาการนี้ได้
15. ช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้
เพราะในกล้วยมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งจะช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางหรือผู้ที่อยู่ในสภาวะขาดกำลัง
16. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
หรือเส้นเลือดฝอยแตกได้
17. ช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดเส้นโลหิตแตกได้
18. สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือกระเพาะอักเสบ
การรับประทานกล้วยบ่อยๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะกล้วยมีสภาพเป็นกลาง
มีความนิ่มและเส้นใยสูง
19. ช่วยรักษาแผลในลำไส้เรื้อรัง
เพราะกล้วยมีสภาพเป็นกลาง
ทำให้ไม่เกิดการละคายเคืองในผนังลำไส้และกระเพาะอาหารด้วย
20. ช่วยรักษาโรคซึมเศร้า
ภาวะความเครียด เพราะกล้วยมีโปรตีนชิดหนึ่งที่เรียกว่า Tryptophan ซึ่งช่วยในการผลิตสาร Serotonin หรือ
ฮอร์โมนแห่งความสุข จึงส่วนช่วยในการผ่อนคลายอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น
21. ช่วยลดอัตราการเกิดตะคริวบริเวณมือ
เท้า และน่องได้
22. ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องของมารดาลงได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)